Moun-Model

หลักสูตร อีคอมเมิอร์ช และ พัฒนาแอปโมบาย เปิดรับสมัคร 1 เมษายน -15 พฤษภาคม 67

ธุรกิจออนไลน์แบบ Affiliate Programming





Affiliate Marketing




VDO สอนการทำ AFFILIATE MARKETING




ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.topmyjob.com/และ
www.travelpayouts.com
Affiliate Marketing ให้ผลตอบแทนแบบPassive Income – คือรายได้ที่ได้มาโดยที่ไม่ต้องออกแรงโดยตรง เพราะเมื่อระบบหรือเว็บไซต์ที่เราทำการโปรโมทสินค้าเข้าที่เข้าทางแล้ว แม้จะไม่ได้ลงแรงก็ยังมีเงินไหลเข้าอยู่ เพราะอย่าลืมว่า เว็บไซต์สามารถหาเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง 


Affiliate Marketing ก็คือการตลาดอย่างหนึ่ง โดยถ้าให้อธิบายการทำงานของมันก็คือ การเป็นนายหน้า หรือช่วยขายสินค้าของคนอื่นแล้วได้ค่า commission กลับมาเป็นค่าตอบแทน
เรามาทำความรู้จักกันก่อนว่าปกติแล้ว Affiliate Marketing นั้นมีการทำงานอย่างไรบ้าง หากเราย้อนไปดูรูปด้านบนเราจะพบว่า Affiliate Marketing ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังต่อไปนี้
Product – สินค้าที่เราต้องการโปรโมท ไม่ว่าจะเป็น physical product, digital product หรือ service เป็นต้น
Product’s owner– เจ้าของสินค้าที่เราจะนำไปโปรโมท อาจจะเป็นเว็บไซต์ที่เป็นเจ้าของสินค้านั้นเอง, market place เช่น amazon.com, clickbank.com, cj.com และอื่นๆ ที่เป็นแหล่งรวมสินค้าและมี affiliate program เป็นของตนเอง แล้วเจ้าของ product นำสินค้าของตัวเองไปวางไว้ใน market place นั้น เราจะเรียกเจ้าของ product ในลักษณะนี้ว่า third-party
Affiliate Marketer – ก็คือเรา ๆ ท่าน ๆ ที่ต้องการหารายได้จาก internet แต่ไม่มีสินค้าเป็นของตนเอง ก็ต้องไปหยิบสินค้านั้น ๆ มาทำการตลาด
Website or Landing Page– เป็นจุดที่ผู้ซื้อสามารถเข้ามาคลิกเพื่อซื้อสินค้าที่เรา (Affiliate Marketer) นำมาวาง link ไว้แล้วredirect ไปยัง product’s owner เมื่อผู้ซื้อทำการซื้อสินค้า เราก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่น
Method to Promote– ด้วยเว็บไซต์อย่างเดียว ลูกค้าไม่สามารถหาเราเจอได้แน่นอน เราต้องมีวิธีการในการโปรโมท website ของเราให้ลูกค้าเห็นได้ เช่น SEO หรือ Paid Traffic เป็นต้น
Customer– ผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าของเรานั่นเอง

Commission– รายได้ที่เราจะได้รับหลังสินค้าที่เราโปรโมทนั้นมีคนซื้อ ซึ่งเงื่อนไขการจ่ายเงินก็จะขึ้นอยู่กับ affiliate program ที่เราเป็นสมาชิกอยู่ เป็นต้น
เว็บไซด์ใหญ่ๆ ต่างๆประเทศส่วนใหญ่จะเปิดรับคนสมัครทำ Affiliate กันทั้งนั้น เช่น amazon.com, ebay.com, shopping.com, clickbank.com, cj.com เว็บใหญ่ๆชื่อดังเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เปิดรับให้เราเข้าไปเป็น affiliate หรือผู้ร่วมธุรกิจ
สิ่งที่ควรเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Affiliate Marketing 
Keyword Research - เป็นหัวใจสำคัญในการเริ่มต้นทำเว็บไซต์ 
Affiliate Marketing เป็นการทำเงินบนโลกออนไลน์ เพราะฉะนั้นเราควรศึกษาเกี่ยวกับ การทำเว็บไซต์
นำเสนอเนื้อหา – มีหลากหลายวิธีมากที่จะทำเงินจาก Affiliate Marketing เพราะเงื่อนไขการได้ค่า commission ก็คือ การส่งผู้คนไปซื้อสินค้าให้ได้ ยกตัวอย่างเช่น    การเขียนบทความ     การทำวีดีโอ   การสร้างรูปภาพ
SEM – Search Engine Marketing การตลาดบนผู้บริการให้การค้นหา เช่น Google, Yahoo! และ Bing
SEO – Search Engine Optimization
PPC – Pay Per Click 
Analysis – การวิเคราะห์ข้อมูลหลังจากทำเว็บไซต์ โดยที่นิยมใช้กันก็คือ Google Analytics
มาถึงจุดนี้แล้ว อาจจะเริ่มสับสนและดูยากเกินไปสำหรับมือใหม่ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า แม้ว่าจะต้องใช้พยายามอย่างมากในการเรียนรู้การทำ Affiliate Marketing แต่ผลตอบแทนที่จะได้รับนั้นคุ้มค่าอย่างแน่นอน

เหตุผลที่ควรทำ Affiliate Marketing
เป็นเจ้านายตัวเอง – เพราะสามารถทำงานได้ด้วยตัวคนเดียว หรือสามารถสร้างทีมงานได้ด้วยตนเอง เพราะรายได้จะน้อยหรือมากนั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน และสามารถทำงานผ่านอินเตอร์เน็ต โดยที่ทำงานอยู่ที่บ้านได้สบายๆ
ไม่มีความเสี่ยงในการเริ่มทำ – โดยส่วนใหญ่แล้วการสมัครเป็น Affiliate นั้นฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เหตุผลอย่างนึงที่สมัครฟรีก็คือ บริษัทจะมีแต่กำไรทั้งนั้นเพราะรับสมัครคนมาช่วยขายของให้ ใครๆก็ต้องชอบอยู่แล้ว และโดยหลักการทำเงินจาก Affiliate ก็คือ การโปรโมทสินค้าผ่านเว็บไซต์ซึ่งค่าใช้จ่ายน้อยมาก โดยปกติแล้วค่าใช้จ่ายในการสร้างเว็บไซต์จะมีด้วยกันอยู่ 2 ส่วน คือค่า Domain name – ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 200-300 บาท/ปี   ค่า Hosting - ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 300 บาท/เดือน
ใครๆก็สามารถทำได้ – อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับ เพราะโลกอินเตอร์เน็ตเปิดกว้างมาก และในช่วงปัจจุบันมานี้จะพบว่า แม้แต่เด็กที่ยังไม่จบปริญญา แต่มีความสามารถ และเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ง่าย ทำให้หลายๆบริษัท จองตัวเป็นพนักงานกันตั้งแต่ยังไม่จบเลยก็มี สาเหตุที่ Affiliate Marketing ที่ใครๆก็ทำได้นั้น เพราะเป็นเรื่องที่เราสามารถเรียนรู้กันได้ และในปัจจุบันก็มีสื่อเยอะแยะมากกมายให้ศึกษา เรียนรู้ แต่สิ่งที่จะต้องทำแน่ๆก็คือ คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ด้วยตนเองอยู่ดี ถ้าขี้เกียจแล้วล่ะก็ วงการไหนก็ยากเป็นปกติแน่นอนอยู่แล้ว
มีสินค้าและหลายบริษัทให้เลือกทำ – ยกตัวอย่างจำนวนสินค้าบน Amazon.com นั้นก็มีสินค้ามาลงขายกันเป็นแสนเป็นล้านชิ้นแล้ว และถ้าดูจากผลกำไรอย่าง Amazon และ Clickbank แล้วจะพบว่า มีกำไรมหาศาลจากการเปิดระบบการทำเงินด้วย Affiliate Marketing เพราะฉะนั้นก็ไม่แปลกที่จะมีบริษัทอีกมากมายที่หันมาทำ Affiliate Marketing อย่างเช่น
CJ.com
Plimus.com
MarketHealth.com
LinkShare.com
AsSeenOnPC.com
ShareASale.com
NeverBlueAds.com
EpicDirectNework.com
Affiliate.com
UniqueLeads.com 
ไม่จำเป็นต้องมีสินค้าเป็นของตัวเอง – เพราะ Affiliate Marketing มีหน้าที่หลักคือ ช่วยขายสินค้าของคนอื่น แต่ถ้าจะหันมาเป็น Vendor หรือผู้สร้างสินค้าแล้วส่งไปให้คนอื่นทำ Affiliate แล้วล่ะก็ ก็ต้องเพิมพูนทักษะการเป็นเจ้าของสินค้ากันสักหน่อย และอย่างที่บอกก็คือ การสร้างสินค้า มีความยุ่งยากมากกว่า แต่สบายทีหลังนะเออ
ไม่จำเป็นต้องเน้นไปที่สินค้าใดสินค้าหนึ่ง – เพราะถ้าเราสามารถจัดการและบริหารเวลาได้ดี เราสามารถโปรโมทสินค้าในกลุ่ที่เราสนใจได้แตกต่างกันออกไป เพราะเว็บไซต์มันสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชม. อยู่แล้ว ดังนั้น เราสามารถแบ่งเวลาไปทำเว็บไซตือื่นๆ ในสินค้าประเภทอื่นๆตามที่ต้องการ ยกตัวอย่างจากผมที่สนใจในหลายๆเรื่อง เช่น การหาเงินออนไลน์ เล่นเกมส์ ดูหนัง ฟังเพลง เป็นต้น
ไม่มีข้อผูกมัดกับสินค้า – เช่นไม่มีการตกลงหรือสัญญาว่า จะทำการโปรโมทสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่ง เป็นเวลา 1 ปี และนั่นทำให้เราจะทำหรือจะเลิกทำ หรือจะเลือกสินค้าตัวใดมาโปรโมทก็ได้นั่นเอง
ส่งและรับเงินได้สะดวก – หน้าที่ของ Affiliate Networks คือการดูแลในเรื่องของการรับ-จ่าย เงินด้วย และโดยส่วนใหญ่แล้วจะมีระบบการรับ-ส่ง เงินที่ดีมาก และสามารถป้องกันเหล่าบรรดาแฮกเกอร์ได้ดี และป้องกันการโกงได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว อีกทั้งการส่งเงินให้คนทำ Affiliate Marketing นั้น ก็ส่งแบบสะดวก โดยจะเลือกรับเป็นเช็คหรือโอนเข้าบัญชีก็ได้
ทำเงินได้มาก – ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน มีความสามารถหรือทักษะที่สูงขึ้น ก็มักจะทำเงินได้เยอะขึ้นด้วย โดยที่ไม่มีเพดานในการจ่ายเงิน
เวปที่รับสมัคร Affiliate Marketingเช่น
การทำ Affiliate กับ Amazon
การทำ Affiliate กับ ClickBank
www.amazon.com
www.clickbank.com
www.cj.com
www.shareasale.com
www.markethealth.com
www.moreniche.com
www.lazada.co.th/affiliate/
www.accesstrade.in.th
www.zalora.co.th
www.taladpanya.com
  • ส่วนประกอบหลัก 3 อย่างสำหรับการทำ Internet Marketing ให้ประสบความสำเร็จ
    - ต้องมี Advertiser หรือ เจ้าของสินค้าที่ดี (ทั้งแบบ In-House Affiliate หรือ Affiliate Network ต่างๆ) เช่น มีระบบการจัดการที่ดี, มีความซื่อสัตย์ต่อ Affiliate, ผลตอบแทนที่เป็นค่าคอมมิชชั่นไม่ต่ำจนเกินไป เป็นต้น โดยผมจะหาข้อมูล Feedback จากคนที่เคยทำ Affiliate Program กับ Advertiser เจ้านั้น (หาจาก Google ว่ามีคนคอมเมนต์ไว้อย่างไรบ้าง โดยใช้การค้นหาด้วยชื่อ Advertiser + Affiliate + Scam) เพื่อการตัดสินใจ
    - ต้องมีสินค้าและมีเว็บไซต์ปลายทาง(Landing Page) ที่ดี เว็บไซต์ต้องสวย ดูแล้วน่าเชื่อถือ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการเปลี่ยน Traffic (คนที่เข้ามาที่เว็บไซต์) ที่เราส่งเข้าไปที่เว็บไซต์ของ Advertiser ให้กลายเป็นลูกค้า หรือ ปิดการขายได้นั่นเอง
    - ต้องมีแหล่งทราฟฟิคที่ดี (คนที่เราจะส่งไปที่เว็บไซต์ของ Advertiser) ทีมีการซื้อสินค้า หรือ กระทำสิ่งใดๆที่ทาง Advertiser สร้างเงื่อนไขไว้ในการจ่ายค่าตอบแทนให้กับเรา เช่น กรอกแบบฟอร์ม (CPA) หรือ ซื้อสินค้า (CPS)                                                                                
    แนวคิดของผมจะแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ที่เน้นไปที่การหา Advertise จาก Affiliate Network หรือ Advertiser เจ้าใหญ่ๆ ทีมีคนทำ Affiliate กันเยอะๆ (ได้เรื่องความน่าเชื่อถือแค่คู่แข่งก็เยอะครับ) แต่ผมเลือกเดินทางที่มีคนน้อยกว่า มันอาจมีเสี่ยงมากกว่าในหลายๆเรื่องและลำบากมากหน่อยในการหาข้อมูลต่างๆในงระยะเริ่มต้น มีปัญหาอะไรก็ต้องหาข้อมูลเอง แก้ปัญหาเอง แต่พอผ่านไปซักระยะเมื่อเราเข้าที่เข้าทางแล้ว ผมมองว่ามันสบายกว่าการที่ต้องมาแข่งกับคนเยอะๆครับ เหมือนการค่อยเก็บสะสมรายชื่อเจ้าของสินค้า Advertiser ที่ดีๆ ไปเรื่อยๆ ทดสอบไปเรื่อยๆ วันนึงเราก็จะ Jackpot เจอ Advertiser หรือกลุ่มตลาดทำเงินไปเองครับ ^___^
    ในการค้นหาผมจะทำการค้นหา Advertiser เป็นกลุ่มๆ  เช่น กลุ่ม Advertiser ที่มีสินค้าเป็นWordPress Theme (เว็บไซต์ขาย Web Template) ผมก็จะเริ่มทำการเก็บรายชื่อเว็บไซต์ , รายละเอียดการสมัคร , ค่าตอบแทนของแต่ละเว็บไซต์ รวบรวมใส่ Excel เก็บไว้ ประโยชน์ของการค้นหาแบบเป็นกลุ่ม คือ เรื่องของการสร้างเว็บไซต์ในการสมัครขอเป็น Affiliate ช่วยโปรโมตสินค้า สร้างเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าขึ้นมา 1 เว็บไซต์จะสามารถใช้สมัครเป็น Affiliate กับ Advertiser เจ้าของสินค้าหลายๆเจ้าได้เลย สมมุติว่าตอนนี้ผมมี List รายชื่อของ Advertiser เจ้าของสินค้า อยู่ 10 เว็บไซต์                 การหาสินค้าที่ดี และ เจ้าของสินค้ามีเว็บไซต์ที่สามารถเปลี่ยนคนเข้าเว็บให้เป็นลูกค้า (สวย & เก่ง) :
    สินค้าที่ดี ต้องมีการแข่งขันสูง! ต้องมีคู่แข่งทางธุรกิจเยอะ เช่น กรณีของเว็บไซต์ขาย WordPress Theme เป็นต้น (การเจริญเติบโตของ Online Business ในปัจจุบันได้สร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ ในโลกออนไลด์ขึ้นมาหลายประเภทครับ เช่น Codecanyon.net ที่มี Digital Product ขายอยู่มากมายหลายชนิดแล้ว เราสามารถนำกลุ่มของสินค้าในเว็บใหญ่ๆ แบบนี้ ไป Research เพื่อค้นหาหา Advertiser อื่นๆที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ได้ ซึ่งมีเว็บไซต์ต่างๆ มากมายที่มีการเปิด In-House Theme Shop ขายกันอยู่ในปัจจุบัน “เป็นสัญญาณบอกว่ามันเป็นสินค้าที่ดี เป็นตลาดทำเงินหากสามารถหาวิธีเจาะเข้าไปได้” ถ้าสามารถหาทราฟฟิคตรงกลุ่มได้ มันขายดีมากแน่ๆสินค้ากลุ่มนี้ (ข้อดีของ สินค้า Digital Product คือ ซื้อปุ๊ปได้ไฟล์ทันทีและส่วนใหญ่มีการรับประกันสินค้า)
    เว็บไซต์ที่ดี ต้องมีการออกแบบที่สวยงามและดูน่าเชื่อถือ การเลือกใช้สีที่เข้ากับสินค้าภายใน การตัดสินใจว่าสวยหรือไม่ให้เปรียบเทียบกับเว็บไซต์ของ Advertise อื่นๆ ที่อยู่ในตลาดเดียวกันครับ เช่น เปรียบเทียบหน้าตาของเว็บไซต์ที่ขาย Theme ทุกเว็บที่เรามีในรายชื่อทั้งหมด ให้สังเกตุความฉลาดของการออกแบบด้วยครับ เช่น รายละเอียดสินค้าชัดเจน ปุ่มกดสั่งสินค้าเห็นชัด ขั้นตอนการสั่งซื้อยุ่งยากมั้ย (ลองกดออเดอร์เล่นๆ แบบไม่กรอกข้อมูลจ่ายเงินไปก็ได้ครับ) ที่สำคัญเลย คือ มีโปรโมชั่นพิเศษอะไรมั้ยมั้ย! สุดท้ายให้เราตัดสินใจว่าถ้าเราเป็นลูกค้าเราจะไม่ซื้อสินค้ากับเว็บไหน? ก็ทำการลบเว็บนั้นออกจาก List ของเราไปครับ                                                                                                                                ต้องมีแหล่งทราฟฟิคที่ดี ประเภทของทราฟฟิค (คนเข้าเว็บ) นั้นมีมากมายหลายประเภทแล้วแต่จะแบ่งกัน แต่สำหรับผมจะแบ่งแหล่งทราฟฟิคเป็น 2 แหล่งใหญ่ๆ คือ Paid Traffic (เสียเงินซื้อ) และOrganic Traffic (ไม่เสียเงิน)
    1. Paid Traffic ทราฟฟิคที่เสียเงินซื้อมา เช่น ลงโฆษณาแบนเนอร์, Facebook Ads , ทำ Pay Per Click , เป็นต้น
    2. Organic Traffic คือ ทราฟฟิคที่ได้จาก Search Engine (Google Yahoo Bing) คนค้นหาสิ่งที่ต้องการแล้วเจอเว็บไซต์ของเรา (Search Engine Marketing) ซึ่งการที่คนจะเจอเว็บของเราที่ Search Engine นั้นต้องอาศัย การทำ Search Engine Optimization
     สำหรับทาง Organic Traffic อาศัยการทำ SEO แบบง่ายๆ ครับ โดยเน้นทำแบบจำนวนเยอะๆ แทนการไปโฟกัสอยู่กับการทำอันดับที่คีเวิดตัวใดตัวหนึ่งครับ ซึ่งผมมองว่าเราต้องแยกให้ออกว่าเกมส์ที่เรากำลังเล่นเป็นเกมส์ประเภทไหน เราควรจะทำเว็บแบบไหนเพื่อเข้ามาแข่งขัน “เว็บคุณภาพ” หรือ เว็บที่สร้างเนื้อหาออกมาจำนวนมากที่เรียกกันว่า “เว็บปั่น” ซึ่งผมจะทำการ ปั่นก่อนเสมอเพราะเว็บปั่นมันทำได้ง่ายกว่า (มีบ้างที่ทำทั้ง 2 แบบพร้อมๆกัน) หลายๆคนร้องยี๊ เมื่อพูดถึงการทำเว็บปั่นทั้งๆที่ไม่ได้เข้าใจมันดีพอ ^___^ คนส่วนใหญ่ไปหลงติดกับดักของคำว่า “ต้องเว็บคุณภาพ” (ทั้งๆที่จริงๆ แล้วที่ทำออกมามันก็ไม่ได้มีคุณภาพ) น่าเสียดายโอกาสครับ เพราะอย่างที่บอกเราสามารถทำทั้ง 2 แนวทางพร้อมๆกันได้                                                                                                                                                               แนวทางการหาทราฟฟิคจาก Search Engine
    คีเวิดที่ใช้สำหรับนำมาสร้างเนื้อหา : หาได้เท่าไหร่ ผมใช้ทั้งหมดครับ คีเวิดหาได้จาก Keyword Tools และ ชื่อสินค้า เน้นที่จำนวน คือ 1 Web ผมจะสร้างให้มีจำนวนหน้าเยอะเท่ากับ = จำนวนคีเวิด ที่ใส่ในเว็บครับ (1 Keyword สร้างเนื้อหาออกมา 1 หน้า ) ที่เน้นเยอะเพราะ 1 Hosting ผมทำแค่ 1 เว็บไซต์เท่านั้น (เดี๋ยวจะบอกว่าทำไม อ่านไปเรื่อยๆ คับ)
    ลืมคำว่าคุณภาพไปก่อน เนื้อหาไม่ต้องดีมากนัก บ่อยครั้งที่มีเนื้อหาที่อ่านไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ สาเหตุเพราะผมไม่ได้ต้องการให้คนเข้ามาอ่าน! ผมต้องการให้คนเข้ามา แล้วรีบๆ คลิกผ่าน Affiliate Link เข้าไปยังเว็บไซต์ของ Advertiser
    การทำ SEO ในแบบของผม คือ การไม่ทำ Backlink โดยจะอาศัยแค่ Onpage SEO + Domain Authority เท่านั้นจะไม่มีมีการยิง Backlink ใดๆ เข้ามาเพื่อดันอันดับครับ สาเหตุเพราะด้วยหน้าเว็บที่มีเยอะ (จำนวนคีเวิดเยอะ) ทำให้ไม่สามารถมานั่งทำ BL ให้ทีละหน้าได้อย่างแน่นอน
    หลังจากทำเมื่อทำเว็บ ที่มีการติด Affiliate ของเราเสร็จแล้วต้องจัดการทำให้แต่ละหน้า Index ใน Google ผมใช้เครื่องมือช่วยที่ชื่อ Instantlinkindexer หลังจากทำให้เว็บ Index ไปแล้วที่เหลือ คือ ตรวจสอบทราฟฟิค เช็ค Stats และการแก้ไขในกรณีของการเกิดความผิดพลาดบางอย่าง
       
                                                                                                                                                                                                                           
  • ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น