Moun-Model

หลักสูตร อีคอมเมิอร์ช และ พัฒนาแอปโมบาย เปิดรับสมัคร 1 เมษายน -15 พฤษภาคม 67

ธุรกิจออนไลน์แบบ Information Product

หลักสูตรการสร้างเวปเขียนบทความ



VDO สอนการทำ INFORMATION CONTENT 1  



VDO สอนการทำ INFORMATION CONTENT 2






VDO สอนการทำ INFORMATION CONTENT 3


Information Marketing คือ การสื่อสารที่สามารถวัดผลได้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ และสร้างศักยภาพให้แก่กลุ่มเป้าหมาย สิ่งที่จำเป็นสำหรับ Information Marketing มี 3 อย่าง คือ
1.มุ่งประเด็นไปที่แรงกระตุ้นของผู้ใช้และการเรียนรู้
2.ผสมผสานการสอนเข้ากับศาสตร์การตลาด
3.ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายดิจิตอลอย่างเต็มศักยภาพ
หลักสำคัญของระบบนี้มีพื้นฐานมาจากการสร้างแรงจูงใจ และการวัดผลได้ สำหรับ “แรงจูงใจ” ในที่นี้จะหมายถึง แรงจูงใจสำหรับผู้เรียน ซึ่งเป็นโซลูชั่นในการสื่อสารนั่นเอง เราต้องประเมินว่า ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจด้วยตนเอง หรือสร้างแรงจูงใจจากแรงกระตุ้นหรือคำแนะนำจากปัจจัยภายนอก
สำหรับ “การวัดผลได้” หมายถึง วัดจากพฤตืกรรมของผู้เรียน และจากการประเมินผลการเรียน ซึ่งเราสามารถเสนอกระบวนการที่ได้มาตรฐานและเนื้อหาที่เหมาะสม ตามแต่สถานการณ์ที่แตกต่างกันตามความต้องการของลูกค้า

Content Marketing แปลเป็นภาษาไทยแบบตรงตัวว่า “การทำการตลาดโดยใช้เนื้อหา” เกิดมาเพื่อตั้งใจให้กูเกิลวิ่งไปหาเนื้อหาดีๆ ที่คนทั่วโลกทำขึ้น ซึ่งหากเว็บเรามีเนื้อหาดี พอคนมาค้นข้อมูลที่เกี่ยวกับเรา ก็จะมีสิทธิ์วิ่งมายังเว็บของเรามากขึ้นนัน่เอง 


Content Marketing คือการสร้าง “คุณค่า”  คำว่า “คุณค่า” (Value) ถือเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญของ Content Marketing ครับ ไม่ว่าเราจะทำ Content สื่อใดก็แล้วแต่ ถ้ามันมี “คุณค่า” กับกลุ่มเป้าหมายของเรา ยังไงกลุ่มเป้าหมายของเราก็ต้องเข้ามาดู Content ของเราครับ
Content Marketing คือ เทคนิคด้านการตลาด ในการสร้างและแจกจ่าย Content ที่มี “คุณค่า” กับกลุ่มเป้าหมาย โดยมีจุดประสงค์ให้กลุ่มเป้าหมายกลับมาสร้างรายได้ให้เรา
สำหรับ Content ในที่นี้สามารถเป็นเนื้อหาในสื่อใดก็ได้นะครับ ตัวอย่างของสื่อที่ได้รับความนิยมมาก ก็คือ:
บทความ = ข้อเขียนในหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ อาจจะเป็นโพส Facebook หรือเนื้อหายาว ๆ ในเว็บไซต์ก็ได้
กราฟฟิก = ก่อนหน้านี้ก็มีเทรนด์การทำ Infographic สวย ๆ ที่ย่อข้อเขียนยาว ๆ ให้อ่านง่ายขึ้นด้วยรูปเข้าใจง่าย โพสลงใน Facebook แล้วได้รับความนิยมมาก ถึงขนาดมีบริษัทที่เปิดขึ้นมารับทำ Infographic โดยเฉพาะเลย
วีดิโอ = การทำวีดิโอได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมี Youtube.com ที่แบรนด์สามารถสร้าง Video Channel ของตัวเองได้ฟรี แถมมีฐานผู้ใช้มหาศาล ซึ่งถ้าติดตาม Cannes Award จะเห็นวีดิโอได้รางวัลหลายตัวเลยที่สร้างขึ้นมาทำ Content Marketing
รายการวิทยุ (Podcast) = ถึงในไทยจะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ แต่ในต่างประเทศการอัดเสียงตัวเองพูดเรื่องอะไรสักอย่างเป็นเหมือนรายการวิทยุ แล้วเผยแพร่ทาง iTune, เว็บไซต์ส่วนตัว เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากครับ คนที่พูดเก่ง ๆ กลายเป็นคนดัง มีคนเชิญไปเป็น Speaker ในงานต่าง ๆ มากมายเลยทีเดียว
Content Marketing คือการสร้าง “คุณค่า”
คำว่า “คุณค่า” (Value) ถือเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญของ Content Marketing ครับ ไม่ว่าเราจะทำ Content สื่อใดก็แล้วแต่ ถ้ามันมี “คุณค่า” กับกลุ่มเป้าหมายของเรา ยังไงกลุ่มเป้าหมายของเราก็ต้องเข้ามาดู Content ของเรา ตัวอย่างง่าย ๆ ของการสร้างคุณค่า เช่น เว็บไซต์ Designil.com เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่อง Web Design ที่ละเอียดมาก ๆ และอัพเดทเรื่องใหม่ ๆ น่าสนใจตลอดเวลา – แบบนี้ถือเป็นการสร้าง Content ที่มี “คุณค่า” ครับ ทำให้คนที่สนใจเรื่อง Web Design ต้องแวะเข้ามาอ่านทุกครั้งที่เห็นใน News Feed
อย่างไรก็ตาม คำว่า “คุณค่า” ไม่ได้หมายถึงความรู้ที่มีประโยชน์เท่านั้น ขอแค่เป็น Content ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายก็ได้เช่นกัน
  เทคนิคการทำ Content Marketing ให้ประสบความสำเร็จ
จริงอยู่ว่าการทำ Content Marketing ไม่มีหลักตายตัว แต่มันมี 5 Factor สำคัญที่ทุกคนต้องรู้ไว้เพื่อให้ Content ออกมาดี นั่นคือ
-Content ต้องเพลิดเพลิน – ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาวิชาการยังไง ถ้าอยากให้ Content มีคนดูเยอะก็ต้องปรับให้น่าสนใจครับ ตัวอย่างเช่น คนส่วนใหญ่ไม่อยากนั่งดูคลิปสอนภาษาอังกฤษที่มีอาจารย์ใส่สูทมายืนสอนหน้ากระดาษเสียงเรียบ ๆ แต่อยากดูคลิปสอนภาษาอังกฤษที่อาจารย์แต่งตัวแรง ๆ สอนแบบตลก ๆ
- Content ต้องเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย – การเลือกเนื้อหาให้เกี่ยวข้องนั้นสำคัญมาก มีหลายครั้งที่แบรนด์เน้นทำเนื้อหาตลกอย่างเดียว แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายเลยแม้แต่น้อย ซึ่งถึงแม้จะได้ยอดวิวเยอะ ก็จะได้จากกลุ่มคนที่เราไม่ต้องการ และไม่มาซื้อสินค้าเราอยู่แล้ว
- Content ต้องสม่ำเสมอ – คำว่าสม่ำเสมอในที่นี้หมายถึงทั้ง เนื้อหา และ ระยะเวลาของการออก Content ใหม่ ด้วยนะครับ คนส่วนใหญ่ชอบสิ่งที่มีความสม่ำเสมออยู่แล้ว แม้แต่ผมยังชอบคนเสมอต้นเสมอปลายเลยครับ #ความรักก็เช่นกัน
- Content ต้องจริงใจ – เนื้อหาของ Content ต้องทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าเราให้ข้อมูลเค้าอย่างจริงใจครับ ไม่มีการแอบ Tie-in โฆษณาที่บางครั้งไม่ค่อยเนียน กลายเป็นทำให้ผู้ชมรู้สึกไม่ดีเหมือนโดนหลอกมาฟังเราขายของ หรือถ้าจะขายของก็ทำให้เห็นชัดไปเลยว่าเราขายของนะ แบบนี้ผู้ชมยังรู้สึกขอบคุณเรามากกว่า
- Content ต้องมีคุณค่า – อย่างที่ย้ำกันไว้ก่อนหน้านี้ หัวใจหลักของ Content Marketing คือ การสร้างเนื้อหาที่มี “คุณค่า” ครับ ตราบใดที่เราทำ Content โดยคำนึงถึงเรื่องนี้ คุณก็จะไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้แน่นอน

Content Marketing มันมีคำอธิบายมากมายแล้วแต่คนจะกำหนด แต่ผมจะอธิบายให้ง่ายๆว่า Content Marketing คือการสร้าง content โดยมีเป้าหมายเพื่อจะเพิ่ม Traffic ของเว็บไซต์, หาลูกค้าใหม่, เพิ่มยอดขาย รวมถึงการเพิ่ม Brand awareness
ข้อดีของ Content Marketing
ได้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ผ่าน Search Engine (Google) มากขึ้น
ได้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ผ่าน Social Media (Facebook, Twitter) เพิ่มขึ้น
ผู้อ่านเนื้อหาสามารถคอมเม้น รีวิว ให้คะแนน รวมถึงถามตอบกันเองระหว่างผู้อ่านได้ด้วย (เรียกว่า User Engagement)
-ดีมากสำหรับการทำ SEO
-เพิ่ม Brand awareness
-เพิ่มยอดขาย



เข้าเรื่องกันเลยครับสิ่งที่ผมจะพูดเกี่ยวกับ Content Marketing 
1. อัพเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์/บล็อกถ้าคุณกำลังทำธุรกิจเกี่ยวกับบริการ รับทำ SEO เนื้อหาที่คุณควรจะอัพขึ้นบนเว็บไซต์/บล็อก ก็ควรจะเป็นความรู้เกี่ยวกับ การทำ seo ที่ดีเพื่อแสดงความเป็นมืออาชีพในด้าน seo เป็นเรื่องพื้นฐานที่คุณคงจะไม่อัพเนื้อหาเกี่ยวกับการยกน้ำหนักไปในเว็บไซต์/บล็อก แต่จริงๆแล้วที่ผมบอกว่า อัพเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์/บล็อก นั้นหมายถึงอัพเนื้อหาที่ตรงกับเป้าหมายจริงๆของเว็บไซต์/บล็อก สมมติว่า คุณต้องการให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ใช้บริการ  จากคุณ ถ้าคุณอธิบายแค่ว่า seo คืออะไร มันก็อาจจะไม่สามารถเปลี่ยนผู้อ่านเป็นลูกค้าได้ แต่ถ้าคุณอธิบายเทคนิคการทำ seo แบบลึกซึ้งที่ปฏิบัติได้จริง แสดงให้ผู้อ่านเห็นว่าคุณยังมีอะไรอีกเยอะที่จะทำให้ลูกค้าได้ แบบนี้สิ ผู้อ่านเนื้อหาของคุณก็มีโอกาสจะเปลี่ยนเป็นลูกค้า
2. ความยาวของเนื้อหาส่วนนี้ต้องมองเป้าหมายของเว็บไซต์/บล็อกของคุณเป็นหลัก แต่สำหรับการทำ seo นั้นเนื้อหาที่เยอะจะมีน้ำหนักดีกว่าเนื้อหาน้อย และขั้นต่ำก็ควรอยู่ที่ประมาณ 500 คำต่อหนึ่งบทความ แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไป ถ้าคุณสามารถใช้ภาพ, วีดีโอ หรือเสียง ทำให้ผู้เข้าชมสนใจได้ บางครั้งใส่เนื้อหาไปเพียงซัก 200-300 คำก็สามารถดึงความสนใจได้มากกว่า
3. อัพเนื้อหาที่เป้าหมายของคุณสนใจพยายามวิเคราะห์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ลองนึกดูว่าลูกค้าของคุณเขาต้องการอะไรบ้าง เช่น ลูกค้าที่จะใช้บริการ รับทำ seo ก็หมายความว่าพวกเขาสนใจที่จะ โปรโมทเว็บไซต์ คุณก็อาจจะเขียนบทความเกี่ยวกับวิธี โปรโมทเว็บไซต์ อะไรแบบนี้
4. อัพเนื้อหาคุณภาพที่เขียนขึ้นเองอะไรคือเนื้อหาคุณภาพ? ก็คือเนื้อหาที่ไม่คัดลอกจากไหนมา มีการ research อย่างดี รวมถึงไม่โอนเอียงไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง (Unbiased)
5. อัพเดทเนื้อหาเป็นประจำการอัพเดทเนื้อหาเป็นประจำจะทำให้ Search Engine มาเก็บข้อมูลเว็บไซต์/บล็อกของคุณ, ได้ผู้อ่านมากขึ้นจาก Email Subscription และ RSS Feed, มีผู้อ่านมากขึ้นเมื่อแชร์บน Social Media
6. ตั้งหัวข้อให้น่าสนใจเพื่ออะไร? อย่างแรกก็คือทำให้ Search Engine เข้าใจว่าบทความคุณเน้นไปทางไหน อย่างที่สองก็คือจะทำให้ผู้คนใน Social Media รู้ว่าคุณแชร์เรื่องเกี่ยวกับอะไร และ อย่างสุดท้ายก็คือทำให้กระตุ้นความสนใจที่ผู้เห็นจะคลิกเข้าไปอ่านอัพเนื้อหาที่ดีกว่าคู่แข่งง่ายๆเลย ไปดูเว็บไซต์คู่แข่งว่าอัพเนื้อหาเป็นอย่างไรบ้าง เขาอาจจะเน้นวิธีอื่นแต่เนื้อหาน้อย เราก็ทำให้ดีกว่าเขาในเรื่องเนื้อหา
7.ให้ความสำคัญกับ Social Media ให้มากเพราะเมื่อคุณสร้างเนื้อหาออกมาแล้ว เป้าหมายเพื่อจะให้มีผู้อ่านและ Social Media ก็เป็นสื่อที่เร็วที่สุดที่จะทำให้มีคนอ่านเนื้อหานั้น (เร็วกว่า Google)
8.สร้างเนื้อหาที่เปลี่ยนผู้อ่านเป็นลูกค้าข้อนี้เป็นสิ่งที่เป็นหัวใจของการทำContent Marketing เลยก็ว่าได้เพราะขั้นสูงสุดของการทำContent Marketing ก็คือเปลี่ยนผู้อ่านให้เป็นลูกค้า ซึ่งคุณอาจจะจ้าง Content Marketer ที่มีประสบการณ์เข้ามาเป็น Consult เพื่อความรวดเร็วในการขยายธุรกิจ

สรุปแล้ว Content Marketing เป็นส่วนสำคัญในทุกธุรกิจ ประโยชน์จาก Content Marketing นั้นมากมายซึ่งจะทำให้เจ้าของธุรกิจได้รับผลตอบแทนอย่างที่พวกเขาจะคาดไม่ถึง และการอ่านเป็นสิ่งที่ผู้ชื่นชอบการเรียนรู้มักจะทำอยู่เสมอ





เทคนิค การเขียนบทความ / เขียนบล็อก ให้ประสบความสำเร็จ
การเขียนบล็อกถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์ ด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป
บางคนใช้ Blog ในการเขียนเล่าเรื่องราวชีวิตส่วนตัว
บางคนใช้ Blog ในการแชร์ประสบการณ์ ความรู้ หรือเรื่องราวที่ตนสนใจ
บางคนใช้ Blog ในการช่วยทำอันดับบน Google (ช่วยเรื่อง SEO)
บางคนใช้ Blog ในการโปรโมทแนะนำ สินค้าหรือบริการ
บางคนใช้ Blog เพื่อสร้างรายได้บนโลกออนไลน์
Blog มีความสำคัญอย่างมาก แต่การจะสร้างบล็อก หรือ เขียนบล็อก ขึ้นมาให้ประสบความสำเร็จนั้น ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ ที่ว่าสำเร็จนั้น ในเบื้องต้นก็คือ มีคนอ่านและต่อมาคือ ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คุณตั้งเป้าหมายไว้ตามมา อาทิเช่น
ทำให้มีคนติดตามเรา
ทำให้คนรู้จักแบรนด์สินค้าเรา หรือ รู้จักตัวเรา
ทำให้คนเชื่อใจเรา หรือ ให้ความไว้วางใจเรา
ทำให้คนโทรติดต่อมาสอบถาม หรือ สั่งซื้อสินค้า/บริการ ของเรา

แนวคิดหลักในการเขียนบล็อกอย่างมืออาชีพ
การสร้างบล็อกให้ประสบความสำเร็จไว้ 5 อย่าง ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับ
คนที่คิดจะเป็น Blogger หรือคนที่อยากจะใช้การเขียนบทความ มาช่วยในเรื่องของการทำ Content Marketing
1. ต้องโฟกัส
2. ต้องต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
3. ต้องรักและให้เกียรติในสิ่งที่ทำ
4. อย่าหยุดคิด อย่าหยุดที่จะเรียนรู้
5. วางแผนระยะยาว และ Optimize อยู่เสมอ

วิธีการเขียนบทความ / เขียนบล็อก ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับในบทความนี้ผมจะขอมาแนะนำวิธีที่จะช่วยทำให้ Blog ของคุณมีประสิทธิภาพ แบบเจาะลึกลงรายละเอียดให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้คุณกลายเป็น Blogger ที่มีคุณภาพในสายตาคนอ่าน รวมไปถึง หลักของการเขียนบทความที่ดี และ การเขียนบทความให้เป็นมิตรต่อ SEO
1  กำหนดเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของการเขียนบล็อก (Blog  Purpose)
-คุณจะเขียนบล็อกไปทำไม ?
-อะไรคือวัตถุประสงค์ หรือ จุดมุ่งหมาย ?
-คอนเซ็ปต์ของบล็อกคืออะไร ?
-บทความที่คุณตั้งใจจะนำเสนอ ตั้งใจจะเขียนเพื่ออะไร ?

คำถามเหล่านี้ถือเป็นจุดเริ่มต้น ที่หลายคนมองข้าม และหลายต่อหลายบล็อก (รวมไปถึงบทความงานเขียนส่วนใหญ่) ที่ถูกเขียนขึ้นมานั้น สร้างมาอย่างไร้จุดหมาย ซึ่งหากเราไม่รู้ว่าเราจะเขียนบล็อกขึ้นมาทำไม มันก็ยากที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ (เป้าหมายมีไว้พุ่งชน แต่คุณจะพุ่งชนอะไร ในเมื่อคุณไม่มีเป้าหมาย )
การกำหนดเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ไว้ก่อนนี้ ก็เพื่อให้คุณได้หลัก หรือ จุดหมาย สำหรับกำหนดทิศทางและหาแนวทางปฎิบัติได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ยกตัวอย่าง 3 เป้าหมายหลักๆของการเขียนบล็อก ซึ่งเป็นที่นิยม เช่น
เขียนบล็อกเพื่อสร้างรายได้ (Blog For Money) : คุณสร้างบล็อกขึ้นมา , เผยแพร่ Content ที่น่าสนใจ , มี Traffic มีคนอ่าน จากนั้น หารายได้จาก Adsense หรือ Affiliate Marketing หรือ ติด Banner โฆษณา หรือ ช่องทางอื่นๆ นี่เป็นเป้าหมายที่นิยมในหมู่ของ คนที่ต้องการหารายได้จากอินเตอร์เนต
กรณีนี้ ตัวอย่างแนวทางปฎิบัติคือ : การให้ความสำคัญกับ Content ที่มีความเกี่ยวข้องสอดคล้องกับ Keyword ที่จะทำเงินให้คุณ
เขียนบล็อกเพื่อนำเสนอ (Blog For Lead) : ไม่ว่าจะขายสินค้า หรือ บริการ (ทั้ง Online และ Offline) การใช้ Blog ถือเป็นวิธีการโปรโมท ทางอินเตอร์เนตที่มีประสิทธิภาพที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะคุณสามารถที่จะสื่อสารกับกลุ่มคนอ่าน โดยนำเสนอ สินค้า/บริการ ผ่านทางการเขียนบทความ เพื่อโน้มน้าวใจพวกเค้ากลายมาเป็นลูกค้าได้ หรือเพื่อให้เค้าเกิดความสนใจในเบื้องต้น จนที่สุดแล้วติดต่อเรามาเพื่อสอบถามพูดคุยกันต่อไป

กรณีนี้ ตัวอย่างแนวทางปฎิบัติคือ : การให้ความสำคัญกับการให้รายละเอียดข้อมูลที่ครบถ้วน รวมไปถึงคำแนะนำต่างๆ ที่จะโน้มน้าวให้ผู้อ่านเชื่อใจ และตัดสินใจเลือกเรา
เขียนบล็อกเพื่อเพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บ (Blog For Traffic) : หากคุณถามผู้เชี่ยวชาญการตลาดออนไลน์ หรือ ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ถึง วิธีการเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ คำตอบหนึ่งที่คุณจะได้รับอย่างแน่นอน นั่นก็คือ สร้าง Blog ครับ/ค่ะหรือ ใช้ Content Marketing สิซึ่งการเขียนบล็อกเพื่อเพิ่ม Traffic ยังเสมือนเป็นการขยาย Brand Awareness ทำให้คนรู้จักเรามากยิ่งขึ้นด้วยกรณีนี้ ตัวอย่างแนวทางปฎิบัติคือ : การให้ความสำคัญกับการอัพเดทอย่างต่อเนื่อง และรู้จักเลือกหัวเรื่องนำเสนอที่คิดว่าคนจะให้ความสนใจ หรือที่กำลังเป็นกระแส หรือเป็นที่นิยม (Trending Topics)
2 ค้นหาข้อมูลก่อนลงมือเขียน (Research)
การจะเขียนบทความขึ้นมาสักบทความหนึ่งให้มีคุณภาพนั้น จำเป็นต้องอาศัยเวลา หากต้องการทำให้ง่ายขึ้น ก่อนที่จะลงมือเขียน คุณควรจะทำการค้นคว้าข้อมูลก่อน เรื่องนี้ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก (ส่วนตัวแล้วสำหรับผม ถือเป็น หัวใจหลักเลย เรื่อง หาข้อมูล)
เมื่อคุณได้หัวเรื่องที่จะเขียน ให้ทำการค้นหาใน Google โดยใช้ คำค้นหาที่ใกล้เคียง เพื่อ
รวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม หาไอเดีย มาต่อยอดในงานเขียนของเรา
ดูคนอื่นว่า เค้าเขียนอย่างไร ในหัวข้อที่เรากำลังจะเขียน
ดูบทความอื่นๆที่ติดอันดับหน้าแรกๆบน  Google
เพื่อนำมาวิเคราะห์ ว่าการตั้งชื่อโพสแบบไหน ลักษณะการเขียนอย่างไร Google ถึงชอบ

อย่าลืมที่จะทำการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อนำมาพัฒนาการเขียนบทความ การเขียนบล็อกของเราให้ดียิ่งขึ้น
3  ตั้งชื่อโพสอย่างมีกึ๋น (Post Title)
เมื่อคุณได้ไอเดียที่จะเขียนแล้ว สิ่งสำคัญต่อมาก็คือ การตั้งชื่อโพส (ตั้งชื่อบทความ)
ซึ่งโดยปกติแล้ว หน้าที่สำคัญของ Post Title นั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 อย่าง คือ
1. เพื่อให้คนที่เห็น เกิดความรู้สึกน่าสนใจ อยากคลิกอ่าน
2. เพื่อให้เป็นมิตรต่อการทำ SEO
ดังนั้นในการตั้งชื่อโพสในบล็อก เราควรอาศัยหลักที่ว่านี้ ควบคู่กันไป
ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆ เอาว่า บทความนี้เลยละกัน
General Keyword = การเขียนบล็อก , การเขียนบทความ
Long Tail Keyword =  เทคนิค + การเขียนบล็อก / การเขียนบทความ + ที่ดี
Semantic Keyword = เทคนิค + การเขียนบล็อก / การเขียนบทความ + ประสบความสำเร็จ
Post Title = 10 เทคนิค การเขียนบทความ / เขียนบล็อก ให้ประสบความสำเร็จ
ตั้งชื่อแบบนี้ คนเห็นก็อยากคลิกอ่าน รู้สึกน่าสนใจ อีกทั้งยัง SEO-Friendly เหมาะต่อการทำ SEO เพราะมี Keyword อยู่ในชื่อโพสด้วย ส่วนไอเดียการตั้งชื่อ Post Title นั้น ก็อาจจะหาไอเดียแบบง่ายๆ จาก Related Keyword ใน Google (ในส่วนของ Predictive Search) ดังภาพตัวอย่าง

การเขียนบทความ-relatekeyword
หรือยกตัวอย่างเพิ่มเติม
main keyword = รีวิวร้านอาหาร
longtail keyword = รีวิวร้านอาหาร อร่อย
longtail keyword = รีวิวร้านอาหาร ราคาถูก
longtail keyword = รีวิวร้านอาหาร ชื่อดัง
longtail keyword = รีวิวร้านอาหาร อร่อย กรุงเทพ
longtail keyword = รีวิวร้านอาหาร อร่อย สีลม
long + semantic keyword = รีวิวที่กิน อร่อย สีลม
long + semantic keyword = แนะนำ ร้านอาหาร เมนูเด็ด สีลม
long + semantic keyword = รีวิวร้านอาหารญี่ปุ่น สีลม
long + semantic keyword = รีวิวร้านอาหารเวียดนาม ในกรุงเทพ

focus keyword หรือ main keyword หรือ จะเรียก seed keyword ก็สุดแล้วแต่ ส่วน long tail กับ semantic เอาจริงๆมันก็คล้ายๆกัน  ยิ่งยกตัวอย่างมากไปหรือใช้ศัพท์เทคนิคมากเกิน อาจจะยิ่งทำให้งง เอาเป็นว่าง่ายๆคือ เราต้องฉลาดในการเล่นคำ ที่จะเอามาเป็น Keyword โดยยึดหลัก คำที่คนน่าจะนิยมใช้ค้นหาเป็นหลัก (ใช้ Keyword Planner ) ว่า เราจะใช้คำไหนดี ที่เข้ากับเนื้อหาบทความของเรา เอามาตั้งเป็นชื่อ Post Title

ข้อคิดสำคัญ : ในส่วนของการตั้งชื่อโพสนี้ ถือว่าจำเป็นมากๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่หวังผลจะเขียนเพื่อทำ SEO ด้วยแล้ว นอกเหนือจากการวิเคราะห์ Keyword เบื้องต้น (โดยใช้ Google Keyword Planner) เพื่อหา Volumn ปริมาณการค้นหา หากคุณได้ทำการ Research ข้อมูลในข้อที่ 2 แล้วทำการวิเคราะห์คู่แข่งมาก่อน มันจะช่วยทำให้สามารถตัดสินใจวางแผนในการปรับเปลี่ยน Post Title รวมถึง Keyword … โดยพยายามหลีกเลี่ยง ที่จะแข่งขันกับ เว็บไซต์ที่เป็น Authority Site (เว็บใหญ่ๆเว็บดังๆ) ที่จำนวนมากๆ และหันมามอง Long Tail Keyword หรือ Semantic Keyword แทน ที่เว็บไซต์คู่แข่งที่แข็งแกร่งมีจำนวนน้อยกว่า
4 กำหนดเค้าโครงของโพส (Post Outline)
เมื่อได้ชื่อโพสมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่จะช่วยให้งานเขียนของคุณง่ายขึ้น และช่วยลดระยะเวลาในการเขียน นั่นก็คือ การกำหนดเค้าโครงสร้าง ในที่นี้หมายถึง การตัดสินใจเลือกว่า ในบทความที่เราจะเขียนนั้น จะประกอบด้วยหัวข้ออะไรบ้างเสมือนเป็นการแบ่งย่อยบทความเป็น Section ซึ่งการกำหนด หัวข้อ/หัวเรื่อง ให้กับบทความนั้น นอกเหนือจากจะทำให้เราประหยัดเวลาในการเขียนยังช่วยทำให้ง่ายต่อการอ่านอีกด้วย
ยกตัวอย่างการเขียนบทความนี้ ผมวาง Post Outline ไว้คือ
ประโยชน์
แนวคิดหลัก
วิธีการ (แบ่งย่อย อีก 10 หัวข้อย่อย)
บทสรุป

5  รู้จักเขียน Introduction (Post Intro)
เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” – คำกล่าวนี้นำมาใช้ได้จริงกับการเขียนบทนำสำหรับโพสลงในบล็อก
บทนำสำหรับการเขียนบล็อกที่ดี ควรจะมีความยาวสักประมาณ 2-3 บรรทัด โดยอธิบายถึงภาพรวมคร่าวๆของเนื้อหาในบทความนั้นๆ ในขณะที่ สอดแทรกด้วยข้อความที่ชวนให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกน่าสนใจ ชวนให้ติดตาม และแน่นอนว่า อย่าลืมที่จะใส่ Keyword ลงไปใน Post Intro ด้วย หากคุณหวังที่จะเป็นมิตรต่อ SEO (ตัวอย่าง ย้อนกลับไปดูด้านบนสุดนะครับ ^_^)
6  ขนาดของบทความ ยาวดีกว่าสั้น (Post Length)
หากเรากล่าวถึงเฉพาะการเขียนบทความสำหรับ Blog เมื่อดูจากสถิติของที่มาหลายๆแห่ง ทั้งจาก Blog ที่ให้ความรู้ด้าน SEO ของต่างประเทศ รวมถึงจากประสบการณ์วิเคราะห์ผล  ส่วนตัว ผลยืนยันได้ว่า บทความที่มีความยาว มีแนวโน้มที่จะถูกจัดอันดับบน Google ได้ดีกว่าบทความที่มีขนาดสั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่า บทความยาวๆทุกบทความจะอันดับดีกันหมด หรือ บทความสั้นๆไม่มีโอกาสติดอันดับเลย
สิ่งสำคัญที่มากกว่า ขนาดของบทความ คือ คุณค่าของตัวเนื้อหา ว่ามีประโยชน์ต่อคนอ่าน อีกทั้งมีความสอดคล้องกับคำค้นหา มากน้อยเพียงใด
7  เรียนรู้กฎพื้นฐานของ Onpage SEO
SEO ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนและซับซ้อน แต่หากพูดถึง SEO กับ การเขียนบทความ คุณไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญในเรื่องของ SEO ในทุกๆเรื่องก็ได้ แต่สิ่งที่คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ ก็คือ คอนเซ็ปต์พื้นฐานในการปรับแต่ง Onpage หรือ การปรับแต่งบทความ ให้เป็นมิตรต่อ SEO

Onpage SEO ในส่วนของ Content นั้นก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่กฎบางข้อที่คุณต้องนำมาปรับใช้กับบทความของคุณ เพื่อช่วยส่งสัญญาณที่ดีให้ Google เข้าใจบทความเรามากยิ่งขึ้น ซึ่งหลักๆก็มีดังต่อไปนี้
ชื่อ Title ปรับให้มีขนาดน้อยกว่า 60 ตัวอักษร และต้องมี Keyword ร่วมอยู่ด้วย
เขียน Descriptions ให้น่าอ่าน อยู่ระหว่าง 150-160 ตัวอักษร และควรมี Keyword ร่วมอยู่ด้วย
การใส่  ALT tags สำหรับรูปภาพในบทความ เพื่อบอก Google ให้รู้ว่ารูปนั้นเกี่ยวกับอะไร
การใช้ H1 สำหรับชื่อโพส (ปกติชื่อโพสจะถูกตั้งให้เป็น H1 อัตโนมัติอยู่แล้ว)
การใช้ H2, H3 , H4 tags สำหรับหัวข้อย่อย หากมี Keyword อยู่ด้วยจะยิ่งดี (ดูตามความเหมาะสม)
การตั้งชื่อ URLs หากมี Keyword อยู่ด้วยจะยิ่งดี (ดูตามความเหมาะสม)
ทำหน้าเพจให้โหลดเร็วๆ อะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดทิ้ง เช่นพวก Script ต่างๆ รวมถึงขนาดไฟล์ของรูปภาพ
การสร้าง Internal Links อย่างชาญฉลาด เพื่อเชื่อมโยงบทความใหม่และเก่าในบล็อก
การทำโครงสร้างหน้าเว็บให้เป็นมิตรต่อทั้ง User และ Bot
การทำให้หน้าเว็บรองรับการดูบนมือถือ
(เรื่อง Onpage SEO นี้จะกล่าวแบบละเอียดในโอกาสต่อไป)

8  ตกแต่งบทความให้น่าอ่าน
เมื่อตั้งชื่อโพสที่น่าสนใจ และเขียนบทความที่ดี เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไป ที่จำเป็นต้องทำ
ก็คือ การจัดหน้าตาของโพส ให้ดูสวยงาม และง่ายต่อการอ่าน ไม่ว่าจะเป็น
การขึ้นบรรทัดใหม่และการจัดวางพารากราฟ (4 บรรทัด ต่อ พารากราฟ กำลังสวย)
การใช้ Bullet เพื่อช่วยให้อ่านง่ายและดูน่าสนใจ
การปรับขนาดและสีสันของตัวอักษร ทั้งในส่วนของหัวข้อย่อย และในตัวเนื้อหา
การใช้ตัวหนา-ตัวเอียง เพื่อเน้นข้อความ
การเลือกใช้รูปแบบ Font ที่เหมาะสม
การเพิ่มรูปภาพประกอบ ให้ดูมีสีสัน มีชีวิตชีวา
การเพิ่ม External Links ที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา และเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
ตัวอย่างการเขียนบทความที่ดี
9  รู้จักโปรโมทเผยแพร่บทความให้คนเห็น
การเขียนบล็อก ต่อให้คุณเขียนบทความ มีเนื้อหาที่ดีขนาดไหนก็ตาม มันจะไม่ประสบความสำเร็จได้เลย
หากไม่มีคนเห็น ไม่มีคนรู้จัก และไร้ซึ่งคนอ่าน อย่ามองว่าการโปรโมทเป็นตัวเลือกหนึ่ง แต่ให้มองว่า
มันเป็นส่วนหนึ่ง (ที่สำคัญมากเสียด้วย) ของการเขียนบล็อก หรือ การทำ Content Marketing

ในปัจจุบัน Social Media ทำให้เราสามารถทำการโปรโมทได้ง่ายขึ้น
สิ่่งที่ควรจะทำหลังจากที่คุณได้เผยแพร่บทความลงในบล็อกแล้ว อาทิเช่น
แชร์โพสใน Facebook Page
แชร์โพสใน Facebook Profile (เฟสส่วนตัวของคุณ)
แชร์โพสใน Twitter , Instagram , Pinterest หรือ Line
แชร์โพสใน Facebook Group ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณ
การใช้ Email List ส่งเป็น Newsletter สำหรับผู้ที่มาติดตามบล็อกของคุณ
โปรโมทโพสผ่าน Comment ในเว็บไซต์ หรือ Facebook Page อื่นๆ
(เลือกที่มีเนื้อหาใกล้เคียง ตามความเหมาะสม และกาลเทศะ)
โปรโมทโพสผ่าน Webboard ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา หรือที่น่าจะทำให้คนเห็น
การนำบทความไป Submit กับ PR Site คุณภาพ
• (สำหรับคนมีงบ) ลงโฆษณากับ Facebook Ads หรือ Twitter Ads
• (สำหรับคนมีงบ) ลงโฆษณากับ Google Adwords
ในขั้นตอนนี้ นักทำ SEO ส่วนใหญ่นิยมเรียกมันว่า การสร้าง Backlinks” ซึ่งผมถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในการโปรโมท

10  เขียนบทความใหม่ๆอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นคนอ่าน , Search Engine หรือ Social Media ต่างล้วนมองหา Content ใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการที่เราหมั่นอัพเดทบทความ ที่สดใหม่ มีความ Unique และ มีความสอดคล้องเกี่ยวข้องกับ วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายหรือคอนเซ็ปต์ของบล็อก ย่อมสามารถช่วยทำให้บล็อกมี Traffic เพิ่มมากขึ้น และเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในฐานะ Blogger ได้ในระยะยาว
บทสรุปส่งท้าย
ในสายงาน Digital Marketing นั้นการสร้าง Content มีอยู่ด้วยกันหลากหลายช่องทาง แต่ การเขียนบล็อก (Blogging) โดยใช้ทักษะของ การเขียนบทความ ถือเป็น กระบวนการหลักอย่างหนึ่ง ซึ่งหากคุณสามารถสร้าง Content / สร้างบทความ ที่มีคุณภาพด้วยแล้ว ย่อมเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ประสบกับความสำเร็จดังที่ตั้งเป้าหมายไว้ ไม่ว่าจะในฐานะของ Blogger , Web Master/Admin , SEO Specialist , Internet Marketer , Content Creator , Copy Writer และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Online Business Owner …
บทความนี้ น่าจะช่วยทำให้ท่านเข้าใจถึง การสร้าง Content / การเขียนบล็อก / การเขียนบทความ ให้มีคุณภาพ ได้อย่างเห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น และผมหวังว่าท่านจะลองนำไปใช้ต่อยอดสร้างสรรค์ผลงานของตัวท่านเอง ให้ออกมาเข้ากับคำกล่าวที่ว่า “Content is King” 

สรุป เทคนิค การเขียนบทความ / เขียนบล็อก ให้ประสบความสำเร็จ
1 – กำหนดเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของการเขียนบล็อก (Blog  Purpose)
2 – ค้นหาข้อมูลก่อนลงมือเขียน (Research)
3 – ตั้งชื่อโพสอย่างมีกึ๋น (Post Title)
4 – กำหนดเค้าโครงของโพส (Post Outline)
5 – รู้จักเขียน Introduction (Post Intro)
6 – ขนาดของบทความ ยาวดีกว่าสั้น (Post Length)
7 – เรียนรู้กฎพื้นฐานของ Onpage SEO
8 – ตกแต่งบทความให้น่าอ่าน
9 – รู้จักโปรโมทเผยแพร่บทความให้คนเห็น
10 – เขียนบทความใหม่ๆอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ



1 ความคิดเห็น: